ไปนั่งรถไฟสายหลังคาโลก(Tibet -Qinghai train)

สวัสดีค่าทุกคน
ระหว่างรอฟิคตอนต่อไป/ใครรอ 555+

วิลจะมารีวิวรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ (Tibet -Qinghai train)กันค่ะ แบบว่าทุกอย่างยังติดตา ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงเลยค่ะ ฮา เผื่อมีใครสนใจเพราะหารีวิวไทยอ่านยากอ่านเย็นเหลือเกินค่ะ ก่อนจะไปนี่พานิคมากแบบกุจะรอดไม๊วะ หารีวิวไม่ค่อยมีอีกหรือหาไม่ถูกเว็บก็ไม่รู้ ผมร่วงไปกระจุกนึงเลยค่ะ ฮา

IMGP0020.jpg

หมายเห็ด *รีวิวนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์และความเห็นส่วนตัวของวิลเองโปรดใช้อัสลาน(??)ในการรับชม

ข้อมูลขั้นต้น – วิลตีตั๋วเฉิงตู-ลาซาค่ะ/จะไม่พูดถึงการที่ต้องบินไปถึงตีหนึ่งแล้วนอนหนามบินจนเช้าเพราะไม่มีไฟลท์นะครัช แต่…แอบเห็นมีกระบี่เฉิงตูกับภูเก็ตเฉิงตูเพียบเลยอ่ะ ตีสองตีสามเนี่ย

ละวิลเลือกนอนชั้นหนึ่งแหละแล้วไม่ได้ไปเดินเผือก เอ้ย สำรวจชาวบ้านเลยไม่อาจรีวิวชั้นอื่นๆได้นะครัช

ค่ารถไฟจากเฉิงตูโดยประมาณ ปัดเศษแล้ว
ชั้น1 (Soft sleep) 180 usd – ห้องละสี่เตียง มีประตูล๊อคได้เคอะ มีทีวีที่เปิดไม่ได้ เปิดได้ก็ไม่มีภาพ โถ 555+
ชั้น2 (Hard sleep) 120 usd – ห้องละ6 เตียงไม่มีประตู ระยะห่างระหว่างเตียงจะต่ำกว่า
ชั้น3 (Hard seat) 60 usd เก้าอี้เคอะ ค่อนข้างทรหดอดทนมักๆ

และทุกสิ่งอันจองผ่านเอเจนซี่ข่าาาา
IMG_0720.JPG
หน้าสถานีข่า/มีบริการฝากกระเป๋าด้วย รู้ใจเลามาก
– รถไฟออกสองทุ่มกว่าค่ะ ระหว่างนั้นก็นัดรับตัวกับพี่สาวเอเจนซี่แล้วผ่านเครื่องสแกนและพี่ตำรวจถือไม้พลองเข้าไปชานชลาด้านใน/คือไม่ใช่เหมือนหัวลำโพงนะคะที่นึกจะผ่านก็ผ่านได้เนี่ย ถ้าไม่มีตั๋วโชว์นี่หมดสิทธิ์ค่ะบอกเลย ญาติพ่อแม่พี่น้องก็ส่งกันที่ประตูหน้าพอ  แล้วก็นะคะต้องไปเบียดเสียดอาเจ๊อาเจ่กแซงกันไปแซงกันมาตามระเบียบค่ะ
ตอนผ่านตำรวจพี่แกก็เช็คแล้วเช็คอีกค่ะ  คือพาสปอร์ตกับทิเบตเพอร์มิตนี่ต้องพร้อมมาก ถ้ามีคนพูดจีนได้ก็จะไวหน่อยค่ะ /คือปกติเวลาขอวีซ่าเข้าจีนนี่ห้ามพูดว่าไปทิเบตเด็ดขาดนะคะ ไม่งั้นโดนรีเจคแน่ๆ ของวิลเลยยอมจ่ายเพิ่ม 500 ให้บ.ทัวร์ขอให้ค่ะ
พี่ตำรวจที่นี่มีไม้กระบองอันใหญ่แบบเห้งเจียทุกคนเลยค่ะ จะนั่งยืนนอนเดินแชทกับแฟนคุยกะกิ๊กก็ต้องถือไว้ให้มั่น มองแล้วก็แปลกดีค่ะ ฮา
พอผ่านเข้ามาด้านในได้ชั้นหนึ่งอย่างเราก็ห้องรอวีไอพีข่า ถ้าจองชั้น 2 กับ 3 มาก็ต้องไปนั่งเบียดกลับคลื่นมหาชนคนจีนบนพื้นอีกด้านค่ะ/คือเก้าอี้เต็มอะนะ เก้าอี้น้อยด้วย ฮ่วย
IMG_0733.JPG
เตียงล่างของเราาา /เดินเลยห้องด้วยอ่ะ เขินมาก เห็นท่อๆบนหัวไม๊คะ อันนั้นเลยท่อต่อสายออ๊กซิเจน
IMG_0153.JPG
นิ่งจริงๆนะทุกคนนน

– ขนาดห้องและเตียง ตามรูปอะค่ะ ของที่ให้มาก็มีหมอน ผ้าห่มสอง สลิปเปอร์ใส่เดินในห้องค่ะ

สภาพห้องก็โอเคนะไม่แคบจนอึดอัดหรือกลิ้งตกได้ เตียงยาวนะเอากระเป๋าเดินทางวางปลายเตียงชนขาพอดี/ที่ทำได้เพราะหล่อนเตี้ยย่ะ
ห้องชั้นหนึ่งก็เตียงสองชั้นค่ะ นั่งเล่นไพ่นกกระจอกสามัคคีได้ วิลนี่จองไปได้ชั้นล่างคู่ค่ะ เย้
คือชั้นบนจะเห็นวิวแบบชะโงกวิว ส่วนชั้นล่างจะเห็นวิวแบบชิวๆวิว คือตื่นก็เห็นนอนก็เห็น ฮา แต่กว่าจะเปิดฮีทเตอร์ก็เช้าวันที่สองอ่ะ/กรุหนาวมั่งมั้ยคะ แล้วสายนี้เป็นรถไฟรางเดี่ยวแหละ แต่วิ่งได้นิ่มมากชนิดที่เอากระติกน้ำใส่น้ำเต็มวางบนโต๊ะในห้องแล้วไม่ต้องกลัวล้มกลัวหก เดินตรงสวยงามไม่เดินขาไขว้เป็นเลขแปดเหมือนบัตเตอร์เวิร์ธ/ นั่นเดินทีนึกว่าอยู่บนรถไฟเหาะ เข้าส้วมก็ไม่ต้องกลัวหน้าทิ่มนะเออ
ขึ้นรถไฟเสร็จจะมีพี่สาวพนง.มาตรวจตั๋วแล้วแลกเป็นการ์ดแบบแข็งค่ะแล้วจะแลกคืนให้เป็นตั๋วกระดาษตอนเราถึงลาซาค่ะ พี่สาวมาตรวจกันทุกสถานีปลอดภัยดีค่ะ 555+
IMG_0226.JPG
IMG_0227.JPG
การ์ดแข็งค่า
-ตรงทางเดินขนาดสองคนสวนค่ะ มีเก้าอี้แบบพับพร้อมปลั๊กสำหรับชาร์ตแบ๊ตให้ท่านได้ใช้พร้อมชมวิวค่ะ มีท่อปล่อยออ๊กซิเจนสำหรับคนที่เป็นแอดทิจูดซิกเนสแต่ใจสู้กรูอยากนั่งชมวิวงี้ด้วย

– ความสะอาดก็นับว่าโอเคนะ ให้ผ่านค่า ผ้าห่มและผ้าปูแอนด์หมอนไม่มีกลิ่นหรืออาจจะมีนิดนึง ถึงวิลจะแอบเจอเปลือกเมล็ดทานตะวันตกอยู่ใต้ผ้าปูที่นอนสองอันก็เถอะ/หล่อนก็ช่างไปรื้อเจอ ถังขยะในห้องแบบมีฝาปิดเก็บกันวันละสองเวลาจ้า พื้นด้านนอกก็คอยเก็บขยะนะปัดกวาดเช็ดถูกันตลอดค่ะ

IMG_0206.JPG

สถานีซีหนิง/มองดูความว่างเปล่านี้สิคะทุกคนนนน

IMG_0316.JPG

อันนี้นัคชูค่ะ สถานีแรกหลังข้ามตังกุลาพาสลงมา

-สถานีจอดน้อยมาก วิ่งมาครึ่งวันหลับไปห้าตื่นเพิ่งจอด/โถ แล้วไอ้ที่หวังว่าจะหาอะไรกินแถวสถานีเหมือนรถไฟไทย พรั่งพร้อมด้วยข้าวเหนียวไก่ทอด ก๋วยเตี๊ยวราชบุรี มะม่วงผลไม้หั่น หนมหม้อแกงเอย ไม่มี๊ไม่มี สถานีใหญ่หรูใหม่ แต่บับว่างมากกกก คือไม่มีร้านบนชานชลาจ้า มีแต่เสากับป้ายโฆษนา/คือเอาไว้ขึ้นรถไฟจริงๆ 555+  มีสถานีเดียวที่เจอขายของคือที่จอดตอนเช้าหลังออกจากเฉิงตู ที่นั่นจอด 8.00-8.20 ให้เวลาช้อป 20 นาทีเคอะ

IMG_0323.JPG

-ตามรูปแผลบๆ/อาหารเที่ยงค่ะ

อาหารอร่อยนะทุกคน ถ้าเบื่อมาม่าหรือโจ๊กที่พกไปแนะนำให้ดักรถเข็นขายเลยค่ะ/อารมณ์รถเข็นโรงเรียเอาทัพพีจ้วงๆใส่ถาดหลุม ฮา รสชาติก็จัดว่าดีอ่ะ ได้กับข้าวหลายอย่าง มื้อเช้า 15 หยวน ถ้าเที่ยงกะเย็น 25 หยวน อิ่มได้ในห้องไม่ต้องถ่อไปตู้เสบียง/ถึงจะอยู่โบกี้ติดกันก็เหอะ อ่อ มีน้ำร้อนบริการทุกโบกี้นะคะ ในห้องก็มีกระติกใส่น้ำร้อนวางไว้ค่ะ/ใช้หมดแล้วหล่อนก็เดินไปเติมกันเองนะ ขนมก็มีลุงเข็นขายนะ ฮาร์ดเซลล์มากแต่ไม่ได้ตังค์เลา ชิชิ

หรืออีกตัวเลือกคือหน้าสถานีรถไฟเฉิงตูค่ะ มีซุปเปอร์ให้เลือกสรรค่ะ จะหมูเห็ดเป็ดไก่ในซีลมีครบ มาม่าหลากหลายรสชาติก็มี

-อาบน้ำ คือนั่งรถไฟสองวันสองคืนปะ แต่คือไม่มีห้องอาบน้ำข่า ทิชชูเปียกเท่านั้นช่วยท่านได้ เช็ดถูๆส่วนที่ท่านปรารถนา จะมุดผ้าห่มทำในห้องหรือจะไปทำในห้องน้ำก็ตามแต่ศรัทธาค่ะ 55+

-ห้องน้ำ/เชื่อว่าทุกคนสนใจมาก ถถถ
มีสองห้อง ตั้งอยู่หัว-ท้ายโบกี้ หัวจะเป็นแบบโถนั่งไฮโซว/ไม่เคยเข้าอ่ะ ทำใจนั่งทับรอยตูดคนอื่นไม่ลงอย่างจริงจัง
ท้ายเป็นส้วมนั่งยอง ทั้งสองห้องจะมีป้ายบอกว่าว่างไม่ว่างแบบบนเครื่องเลยนะ ไฮเทคมาก แค่เปิดประตูมาส่องก็รู้แล้ว
พนง.ก็หมั่นทำความสะอาดดีคือเวลารถจอดสถานีไหนก็จะปิดไม่ให้เข้าละทำความสะอาดกันไปค่ะ แต่พอไต่ขึ้นที่สูงจะเริ่มประสบปัญหาความดัน บับกดตอนนี้ลงอีกทีป้ายหน้าไรเง้ แต่ถ้าทนไม่ไหวกลั้นใจกดก็อาจจะลงนะเออ และตอนดึกๆที่คิดว่าห้องน้ำจะว่างนี่คิดผิดบอกเลย มันเป็นเวลาถ่ายหนักของทุกคน ถถถ จะได้เห็นดอกเบญจมาศสีเหลืองเบ่งบานกลางสายน้ำ /แหม่บรรยายซะฟรุ้งฟริ้งเบย

-ผู้โดยสารค่อนข้างเป็นมิตรมากค่ะ ตอนเราไปนอกจากคู่เราแล้วก็มีขุ่นป้าอีกคนที่เป็นชาวต่างด้าว นอกนั้นคนจีนล้วนๆฮ่ะ แต่ก็อัธยาศัยดีคอยถามไถ่อาการกันตอนรถไฟเริ่มไต่ขึ้นที่สูงค่ะ มีแก๊งค์ลุงๆที่มาบ่อยจะคอยชี้ๆบอกว่าถึงตรงไหนจะมีวิวอะไรให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ ถ้าพูดจีนได้คงสนุก โดนชวนคุยนะรู้เรื่องแต่ตอบไม่ได้ /วิลลี่ได้แต่งูและปลา ถถถถ งมๆเอา

– พนง.สามารถพูดอิ้งได้นิดนึง แต่ก็พยายามพูดถ้าถามค่ะ จัดว่าดี

– การปฐมพยาบาล ค่อนข้างพร้อมเลยค่ะ เช้าวันที่สองพี่สาวพนง.จะถือถุงที่มีสายต่อออกซิเจนรออยู่ค่ะ ในโบกี้เราออกซิเจนจะเริ่มปล่อยตามท่อที่มีในห้องตรงหัวเตียงกับตรงทางเดินตั้งแต่ออกจากเกอเอ๋อมู่ไป/ในฐานะติ่งที่ดีต้องตื่นเที่ยงคืนตอนรถไฟเทียบชานชลามาสักการะเจ้าแม่และงูกุ๊กๆค่ะ 55+
พอตอนเช้าที่รถไฟกำลังไต่ขึ้นตังกุลาพาส(จุดสูงสุดในเส้นทางสายนี้ค่ะ 5000 กว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเล สูงเป็นญาติพีน้องกับ EBC)
ทางพนง.จะเดินส่องอาการผู้โดยสารพร้อมขุ่นหมอด้วยละค่ะ /พอดีเพื่อนหมอรู้สึกไม่ค่อยดีเลยไปดักลากหมอเข้าห้อง ฮา ส่วนเราเนื่องจากถึกทนเลยยังวิ่งไปวิ่งมาลั๊นล๊าได้แบบไม่รู้สึกอัลไล

-แอดทิจูดซิกเนส โรคนี้คือเล่าอ้างกันมากอ่ะก่อนวิลจะไปทิเบตมีแต่คนแบบ เหยอันตรายนะเทอ เป็นแล้วตาายดับกลับบ้านนะ แต่คือแหม Diamox สิจ๊ะตัวเทอ /กินวันออกเดินทางจากไทย วันละสองเม็ดเช้าเย็นเลยอยู่ คือทีแรกกินวันละเม็ดแล้วเพื่อนเกิดอาการ แต่วิลมั่ย เลยเปลี่ยนมากินวันละ 2 เม็ดแทน คืออาการจะแบบร่างกายปรับตัวไม่ได้หาอ๊อกซิเจนไม่ทัน หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม อ้วกแตกโลกหมุนเป็นต้น  ละอีกอย่างคือก่อนไปไม่ควรเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลงี้ไป เพราะมันจะยิ่งหายใจยาก หาอ๊อกซิเจนยากเข้าไปอีกอะนะ

IMGP0504.jpg

แวร์อีสมายเทเลทับบี้ฟีลด์คะ ฮือ

-วิวข้างทางสวยมาก/ถ้าไม่เจอหิมะแล้วกลางร่างเป็นนาร์เนียแบบวิล จะมีบรรยากาศแบบโรงถ่ายเทเลทับบี้แต่ไม่มีลูลู่ ลาล่างี้นะ มีน้องกวาง น้องแกะ น้องแย๊ก น้องวัว น้องม้า น้องเหยี่ยว และอีกหลายๆน้องให้ได้ส่องกันยันพี่ทหารที่กางกระโจมอยู่ริมทางรถไฟ/เป็นทหารต้องอดทน กางกระโจมบนที่ราบสูงต้องไม่ตาย ถถถ
พอรถไฟผ่านพี่แกจะตะเบ๊ะด้วยนะเออ/คาดว่าเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยกับเส้นทางนี้ บางทีมีโบกมือนะ แน่นอนว่าบ้าจี้อย่างเราต้องโบกก่อน ปิ๊วไม่โบกตอบไปก็เยอะนะ แคร์ไม๊บอกเลยว่าไม่ 555 มีหมู่บ้านอยู่ประปรายค่ะ ก็ได้สอดส่องการใช้ชีวิตชาวบ้านไปอย่างเพลิดเพลิน

– ลืมอีกข้อ สำหรับวิล/คนเดียวรึเปล่า ฮา การจะนั่งรถไฟให้สนุกนอกจากชมวิว ดื่มด่ำกับความงามของรถไฟสายที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ก็ต้องชอบเผือกเรื่องชาวบ้านประมาณหนึ่ง คือนั่งไปก็ส่องไป บ้านนั้นทำอัลไล เจ๊ตากผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอน เฮียขี่มอไซค์ซิ่งจัง นั่นตัวไรวะวิ่งอยู่บนสันเขา บ้านนั้นตากพริกบนหลังคาไรงี้ ฮา

 

******สำหรับแฟนๆของเรื่องรหัสลับหลังคาโลกกับเต้าหู้ลิ้นจี่(??) รถไฟสายนี้ผ่านสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องด้วยแหละทุกคนนนนนน****

 

IMG_0236.JPG

ด้วงได้มาแล้วเอยยย

IMG_0255.JPG

ไม่กล้ายกกล้องใหญ่ถ่ายค่ะ คือเสียงชัตเตอร์ดังมาก เพื่อนวิลก็หลับๆกันอยู่ด้วย เกรงจุยยย

– โกลมุต หรือ เกอเอ๋อมู่ ผ่านตอนเที่ยงคืนกว่าๆค่ะ เป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ที่ระยิบระยับวิบวับไปด้วยไฟดิสสะโก้ค่ะ ฮา/แอบไม่เหมือนที่นึกภาพตามที่นายน้อยโม้เท่าไหร่อ่ะ
ส่วนแอ่งกะทะไฉตาร์มู่ผ่านตอนตีหนึ่งกว่าๆ/แน่นอนว่าติ่งก็ลุกขึ้นมาถ่ายรูปตามระเบียบค่ะ แต่พนง.จะไม่ให้เราลงจากรถนะคะ คงกลัวหายไปคว่ำกรวยนอนคุยกับน้องงูกุ๊กๆที่วังเจ้าแม่

– เขตปลอดมนุษย์เข่อเค่อซีหลี่ /ที่ไม่ปลอดเสาไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ ผ่านตอนตีสี่ตีห้าค่ะ ก็ยังมืดมาก/อาจจะเพราะเข้าหน้าหนาวเลยสว่างช้า แถมวันที่ไปดันผ่าหิมะตกหนักโครมๆอีกติ่งจะร้อง

– ตังกุลา นั่นผ่านตอนราวๆเก้าโมงเช้าค่ะ แต่จะเพราะอะไรก็ตามรถไฟที่วิลโดยสารไปไม่จอดค่ะ ฮือววววว ร้องไห้หนักมาก เห็นป้ายสถานีผ่านตาจากไป

จบรีวิวข่า มีอะไรสงสัยถามได้น๊า ฮา

Memories of Tibet.

สวัสดีค่ะ

อย่างที่รู้ๆกัน/ใครรู้กับเธอ ฮา วิลไปทิเบตมาค่ะ เป็นทริปบ้าบอของด้วงสองคนที่มีเป้าหมายแค่ไปไพรเวทคอสตามรอยนายเมินกับสอดส่องสถานที่ในเรื่อง The Tibet codeกันเถอะ เฮ้ย

ทีแรกด้วงจะไปนิวซีแลนด์ค่ะแต่หลังรู้ว่าพิมพ์แบงค์ไม่ทันเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาใกล้ๆ มองไปมองมาทิเบตก็แล้วกันค่ะ ตกลงกันง่ายๆแพลนกันแล้วก็เก็บข้าวเก็บของเลยค่ะ/จริงๆยากมากค่ะ น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกว่าจะได้ไป

วิลเลยรวมๆเอารูปมาแปะๆ มีบางรูปแปะไปบนหน้าเฟสแล้วค่ะ เผื่อมีใครสนใจจะไปทิเบตบ้างจะได้ตามไปอีก/อ้าว ครวามจริงมีแพลนจะไปเล่ห์ลาดักส์ต่อค่ะ ถ้าใครมีแพลนชวนวิลได้นะคะ ถึกทนไม่เป็นแอดทิจูดซิกเนสค่ะ แฮ่/รับประกันโดยขบวนรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต ตอนที่ปีนขึ้นตังกุลาพาสวิลยังลัลล๊าวิ่งไปวิ่งมาได้ปกติค่ะ ฮาา

ปล.ด้วยกฎอันเข้มงวดห้ามถ่ายหนุ่มๆในเครื่องแบบทำให้วิลลี่ไม่อาจแอบเก็บภาพเพื่อนๆของจางลี่กับเย่ว์หยางมาฝากได้ค่ะ แต่ขอรับประกันความหล่อแฮ่ๆ

IMGP2774

on the way back from EBC

IMGP0881

Somewhere : Tibet – Qinghai Plateau

IMGP2371

เขื่อนค่ะ ฮา

IMGP1097

Somewhere : Tibet – Qinghai Plateau

IMGP2847

Yarlung Tsangpo River

IMGP1451

Potala Palace – Tibet

IMGP1143

Tibet – Qinghai Plateau : Tangkula pass

IMGP1432

Potala Palace – Tibet

IMGP2289

Glacier

IMGP0155

Tibet – Qinghai Plateau : Xining

IMGP2296

Glacier

IMGP1353

Lhasa

IMGP1355

Lhasa

IMGP1554

Inside Potala Palace

IMGP1818

Pray flags

IMGP1363

In front of Jokhang temple

 

 

 

หนึ่งสิบปี

[Drabble Dmbj] หนึ่งสิบปี

Paring : ผิงเสีย

อีกไม่นาน “หนึ่งสิบปี” กำลังจะสิ้นสุดลง

ผมเหม่อมองทัศนียภาพยามค่ำคืนในหน้าร้อนของตัวเมืองหังโจวซึ่งเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับจับตา

วันเวลาหมุนเวียนไปดุจสายน้ำไหลไปไม่อาจย้อนคืนเฉกเช่นเดียวกับตัวตนของผม เรื่องราวทุกอย่างเคี่ยวกรำให้ตัวตนเก่าของผมค่อยๆหลุดล่อนออกเหมือนกับจั๊กจั่นลอกคราบ

ผมที่ยืนอยู่ตอนนี้กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินไร้ความรู้สึกแยแสใดๆต่อผู้คนที่ผ่านเข้ามา ทั้งยังกระทำเรื่องเลวร้ายมากมายเพียงเพื่อบรรลุแผนการณ์ของตน

หากใครที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมเป็นเวลานานบังเอิญมาพบเข้า คงไม่อาจจดจำผมในตอนนี้ได้เป็นแน่ ผมที่เคยใส่กระจ่างดุจหยดน้ำค้าง ช่างสงสัย ตรงไปตรงมาคนนั้นถูกลบเลือนไปจนหมดคล้ายกับเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริง

แต่ถึงจะต้องหันหลังให้โลกทั้งใบ ถูกผู้คนเกลียดชังมากแค่ไหนผมก็คงจะไม่รู้สึกอะไร เพราะสิ่งเดียวที่ผมสนใจคือเขาที่กำลังรอคอยผมอยู่เบื้องหลังประตูสำริดบานยักษ์ที่ฉางไป๋ซาน

“เมินโหยวผิง”

—————-

เพิ่งกลับไปอ่านบันทึกอีกรอบมาค่ะ จะครบสิบปีแล้ววววว/เอ้า เฮ้ เลยออกมาเป็นอะไรสั้นๆมึนๆค่ะ 555+

จริงๆที่แต่งมายาวๆคือสรุปประโยคเดียว(แทนนายน้อย)ว่า  จะเกิดอะไรข้าไม่รู้ รู้แต่ต้องพาสะมีกลับมาค่ะ ฮา